กลุ่ม ปตท. ช่วยเหลือสังคมไทย ยามประสบภัย

ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ประสบปัญหาต่างๆ กลุ่ม ปตท. ได้เข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือสังคมโดยที่พวกเราอาจไม่รู้ตัว



ปัจจุบัน ในยามสถานการณ์โรคระบาด อย่างเรื่อง โควิท19 (Covid19) กลุ่ม ปตท. ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือสังคมอย่างมากมาย

กลุ่ม ปตท.

  • ร่วมกับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)โรงพยาบาลศิริราช ธนาคารไทยพาณิชย์ และภาคีเครือข่าย เพื่อวิจัยชุดตรวจ COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยนักวิจัยคนไทยครั้งแรกในโลก ช่วยลดระยะเวลาการวินิจฉัยโรคได้ภายใน 30 – 45 นาที รวดเร็วกว่าวิธีการตรวจในปัจจุบันที่ใช้เวลา 4 – 6 ชั่วโมง ด้วยต้นทุนต่ำ ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย
  • สนับสนุนแอลกอฮอล์ ปริมาณ 15,000 ลิตร ให้แก่องค์การเภสัชกรรม เพื่อผลิตเจลล้างมือ
  • “ชมรมพลังไทย ใจอาสา กลุ่ม ปตท.” และ “มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน” ผู้บริหาร พนักงานกลุ่ม ปตท. และชุมชนเครือข่าย ร่วมทำหน้ากากอนามัยจากผ้า จำนวน 3,000 ชิ้น ระหว่างวันที่    23 – 27 มีนาคม 2563 เพื่อส่งมอบให้กรมกิจการผู้สูงอายุ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำไปกระจายแก่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ อันเป็นการช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในผู้สูงอายุซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • แบ่งทีมปฏิบัติงานที่บ้าน (Work at Home) เพื่อลดความแออัดและลดโอกาสในการแพร่เชื้อในที่ทำงานและที่สาธารณะ โดยจะใช้ระบบการประชุมทางไกล (Teleconference) เป็นหลัก



OR หรือ PTTOR

  • มอบ กาแฟดริป คาเฟ่ อเมซอน จำนวน 5,000 ซอง พร้อมด้วยขนมปั้นขลิบ และขนมปังกรอบ ซึ่งเป็นสินค้า โอทอปจาก เอสเอ็มอีไทย รวม 480 ชุด ให้สถาบันบำราศนราดูร และ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
  • ปรับแผนการแจกเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ จำนวน 1 ล้านชิ้น ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ระหว่างวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563
  • จัดเตรียมน้ำดื่มขนาด 35 มิลลิลิตร จำนวน 1 ล้านขวด เพื่อมอบให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับส่งอาหาร รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ทุกคันที่เข้ามาใช้บริการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น จำนวน 60 สาขาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 1 ขวด ต่อ 1 คัน โดยไม่จำกัดจำนวนการเติมขั้นต่ำ ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2563
  • จัดทำแผ่นพับให้ความรู้เกี่ยวกับ COVID–19 ที่ พีทีที สเตชั่น ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563
  • มาตรการทางความสะอาดอื่นๆ รวมถึงบริการ ให้มีการงดการนั่งรับประทานที่ร้าน แต่สามารถสั่งนำกลับ (Take Away) หรือใช้บริการส่งอาหาร (Delivery) มีการทำสัญลักษณ์ไว้ที่พื้นระหว่างรอสั่งสินค้า 1 เมตร รอชำระเงิน เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัย และปรับรูปแบบการให้บริการ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ ให้พนักงานทุกคน ล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ ให้บริการแก่ผู้บริโภค



GC หรือ PTTGC

  • มอบเสื้อกาวน์เพื่อป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 41,000 ชุด เพื่อใช้ในโรงพยาบาลและสถานประกอบการ ทั้งหมด 12 แห่งที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเป็นเสื้อกาวน์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Disposable Gown) ผลิตจากเม็ดพลาสติกชนิดโพลีเอทิลีนคุณภาพดีจาก GC
  • มอบกลีเซอรีนคุณภาพสูง จำนวน 1,250 กิโลกรัมเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการจัดทำเจลแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดมือ เพื่อแจกจ่ายให้กับกำลังพลและครอบครัว รวมถึงประชาชนในพื้นที่



ที่มา กลุ่ม ปตท. ช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์โควิท19

ภาพบางส่วนจาก มาดูกัน..... กลุ่มพลังงานช่วยอะไรคนไทยในช่วงวิกฤต COVID-19

เสียงสะท้อนเล็กๆ ของเจ้าของปั๊มต่อการไม่เติม ปตท.

นี่คือเสียงสะท้อนเล็กๆ อีกเสียงที่เกิดขึ้นจริง ในภาวะที่คนไทย บอยคอตกันเอง ชังชาติกันเอง



งานของผม คือ การสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ เพราะธุรกิจที่ผมทำมีการแข่งขันสูงมาก ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลาย ท่านใดที่เคยไปต่างประเทศ แล้วเคยแวะปั๊มน้ำมัน คงจะเห็นว่า ไม่มีที่ไหนที่มีปั๊มน้ำมันมากมายเท่าประเทศไทย เป็นการแข่งขัน เสรี ไม่มีการผูกขาด

รู้ไหมครับ ปั๊ม Shell ทีประกวดได้ที่ 1 ของโลก อยู่ประเทศใด 

คำตอบคือ Shell ประเทศไทย ปั๊มที่อยู่ อ. ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ที่อยู่ข้างหน้าผม 25 KM. แต่ถ้าถามลูกค้าที่เดินทางประจำจะรู้ว่าเขาเลือกใช้บริการปั๊มไหน เพราะอะไร?

แม้จะมีการรณรงค์ต่อต้านไม่เติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. แต่ผมยังคงทำหน้าที่บริการทุกท่านด้วยเป้าหมายเดิม คือสร้างความพึงพอใจกับลูกค้าทุกท่านให้ดีที่สุดที่มาใช้บริการ

ยังคงทำหน้าที่เป็นจุดบริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลสถานที่ให้มีความสว่าง ปลอดภัย ทำหน้าที่เป็นห้องรับแขกต้อนรับผู้ที่เดินทาง และนักท่องเที่ยวทำหน้าที่บริษัทฯ ที่รับผิดชอบต่อสังคม ต่อชุมชน เป็นหน่วยงานที่เสียภาษีอย่างถูกต้องตลอดไป

ปล. ไม่ต้องกลัวผมตกงานหรอกครับ ยังไงผมคงหาโอกาสทางธุรกิจได้อีกหลายอย่าง แต่แค่ใจหายที่เห็น บริษัทน้ำมันของคนไทย ที่แข่งขันจนชนะคู่แข่งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้

แต่กลับถูกคนไทยที่ รักชาติ จงเกลียด จงชัง บริษัทน้ำมันที่ถือหุ้นโดยคนไทย 65% จนถึงขั้นรณรงค์ไม่เติม ไม่ใช้ กันทีเดียว



ไม่เติม ปตท. แล้วจะส่งผลเสียอย่างไร

การรณรงค์ไม่เติมน้ำมัน ปตท. แล้วถ้าเป็นผลขึ้นมาจริง คนไทยส่วนใหญ่ จะได้อะไรบ้าง



1. SMEs ขาดรายได้ เพราะ80% ของสถานีบริการและร้านค้าในสถานีบริการ รวมไปถึงร้านกาแฟอเมซอน เจ้าของคือตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ที่ดำเนินธุรกิจแฟรนด์ไชน์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยในแต่ละจังหวัด รวมแล้วเกือบ3,000 ราย

2. กระทบต่อการจ้างงาน ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 56,000 ตำแหน่ง

3. ขาดกิจกรรมดีๆเช่นการสร้างสถานีบริการในรูปแบบมาตรฐาน ห้องน้ำสะอาด มีสวนสวย universal design เพื่อการเข้าถึงของทุกคน และแยกแลกยิ้ม กำจัดขยะแล้วนำรายได้มาดูแลชุมชน สนามเด็กเล่น ลานออกกำลังกาย

4. รายได้นำส่งรัฐฯลดลงเพราะ 65%ของผู้ถือหุ้นใหญ่คือรัฐบาล เฉพาะเงินปันผลปีที่แล้วก็กว่า 50,000 ล้านบาท ที่เป็นรายได้ของรัฐฯใช้ไปในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ยังไม่รวมภาษีรายได้ประจำปี ที่รัฐได้จากกำไรของการดำเนินธุรกิจ

5. ลดความเชื่อถือของแบรนด์ไทยเวลาขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เพราะปัจจุบันความนิยมของสถานีบริการ ปตท.ไม่ได้อยู่แค่ในประเทศและการที่ ปตท.ไปสำเร็จในต่างประเทศก็จะช่วยดึง SMEs ไทยเติบโตตามไปด้วย สร้าง Thailand Brandจะเป็นเช่นไร

สุดท้ายการทำเช่นนี้แล้วราคาน้ำมันในบ้านเราจะลดลงหรือไม่ แล้วเราทำไมไม่รณรงค์ให้เลิกใช้น้ำมัน อย่างน้อยก็ประหยัดการใช้น้ำมัน ประเทศไทยก็จะไม่ต้องเสียรายได้ให้ต่างประเทศ และเราก็ลดการใช้เงินในกระเป๋าเรา

ใจเย็นไว้ ถ้าไม่เจอชื่อ ปตท. ในการนำส่งรายได้รัฐ เพราะเหตุผลต่อไปนี้

ไม่ต้องแปลกใจ หากเจอข่าวในทำนองที่ว่า สคร.จัดเก็บรายได้จากรัฐวิสาหกิจ 4 เดือนแรก สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 35 ช่วยรักษาเสถียรภาพการคลัง


นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า เดือนมกราคม 2561 สคร.จัดเก็บรายได้แผ่นดิน 7,252 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บรายได้แผ่นดิน 3,357 ล้านบาท ส่งผลให้มีรายได้แผ่นดินสะสม 4 เดือน  50,646 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายได้แผ่นดินสะสม 12,994 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35 ซึ่งมีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ 

นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร.ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สะสมสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ธนาคารออมสิน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์  (ธอส.) อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าการนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจมีการนำส่งที่สูงกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2561 เนื่องจากประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้น โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมมาปรับปรุงกระบวนการทำงาน ส่งผลให้ผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจดีขึ้น

และจากข่าวด้านบนในการนำส่งรายได้เหล่านั้น ไม่มีรายชื่อ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อยู่ด้วย



ซึ่งถ้าคนที่เข้าใจในรายละเอียดการนำส่งรายได้รัฐของกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ในอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จะมีการชี้แจง และ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ทุกปี ในที่นี้ใช้ว่า การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล

สรุปสั้นๆ คือ ที่ไม่มีรายชื่อ ปตท. ในการจ่ายเงินตามรอบที่ทาง สคร. ได้ให้ข่าวนั้นคือ รอบบัญชีการจ่ายเงินของทาง ปตท. คือ 6 เดือน จะนำส่ง 1 ครั้ง (ตามข่าวคือ 4 เดือน จึงไม่มี ปตท. รวมอยู่ด้วย)

ที่มา จดหมายแจ้งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=15030128815211&language=th&country=TH


ตัวอย่างรายงานประจำปี แจ้งการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล http://ptt-th.listedcompany.com/misc/shareholderMTG/agm-2017/20170328-ptt-agm-2017-invitation-th.pdf

*เงินปันผลระหว่างกาล คือเงินปันผลที่กรรมการมีมติจ่ายในระหว่างรอบปีบัญชีเมื่อพิจารณาแล้วว่าบริษัทมีกำไรพอสมควรที่จะจ่ายได้ ปพพ.ม.1201 วรรค 2*

อย่าลืมว่า รัฐวิสาหกิจที่นำเงินส่งรัฐประจำปีงบประมาณ ในปี 2560 ทาง ปตท. นำส่งรัฐ เป็นอันดับสอง รองจาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเหตุ ยังไม่รวมภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ ปตท.ส่งให้กรมสรรพากร

รัฐวิสาหกิจที่มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมประจำปีงบประมาณ 2560 สูงสุด 5 อันดับแรก
รัฐวิสาหกิจที่มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมประจำปีงบประมาณ 2560 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 30,948 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 26,278 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 21,660 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 13,118 ล้านบาท และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 11,384 ล้านบาท

รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.62 แสนล้านบาท ** หมายเหตุ ยังไม่รวมภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ ปตท.ส่งให้กรมสรรพากร


หรือถ้ารวมภาษีนิติบุคคลจะเห็นได้ว่า ทาง ปตท. นำรายได้ส่งรัฐสูง 54,746 ล้านบาท และถ้านับตั้งแต่แปรรูปจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)จะพบว่า รายได้ ปตท. นำส่งรัฐสูงถึง 7.3 แสนล้านบาท (2544-2559) เลยทีเดียว


เปิดผลประเมิน 442 หน่วยงาน ผ่านเกณฑ์“คุณธรรม/ความโปร่งใส” ITA ประจำปี 2560” เฉลี่ย 81.53 คะแนน ปตท. กฟผ. เกินเกณฑ์เฉลี่ย

เปิดผลประเมิน 442 หน่วยงาน ปี 60 ผ่านเกณฑ์“คุณธรรม/ความโปร่งใส” เฉลี่ย 81.53 ปตท. กฟผ. เกินเกณฑ์เฉลี่ย



วันนี้(16 พ.ย.) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2560 จำนวนทั้งสิ้น 422 หน่วยงาน โดยพบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 อยู่ที่ 81.53 คะแนน ทั้งนี้จากผลการประเมิน พบว่า องค์กรศาล (เฉพาะหน่วยงานธุรการ) 3 หน่วยงาน พบว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้คะแนนสูงสุด 92.37 สำนักงานศาลปกครอง 88.29 และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 81.79

องค์กรอิสระ 5 หน่วยงาน พบว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้คะแนนสูงสุด 90.44 และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้คะแนนน้อยสุด 71.20, องค์กรอัยการ พบว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้คะแนน 78.98 ,หน่วยงานในสังกัดรัฐสภา 2 หน่วยงานคือ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้คะแนนใกล้เคียงที่ 82.70 และ 82.94 ตามลำดับ สำหรับสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คะแนน 90.24



สำหรับ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 54 หน่วยงาน พบว่า หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ได้คะแนนสูงที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 97.97 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 97.13 ธนาคารออมสิน 95.79 ส่วนโรงพิมพ์ตำรวจได้คะแนนน้อยสุด 68.80

ส่วนรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นที่จับตา เช่น การบินไทย 87.89 คะแนน บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) 88.97 คะแนน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 92.63 คะแนน การไฟฟ้านครหลวง 91.93, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 91.47, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 94.39 บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) 85.61 คะแนน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 86.20 คะแนน และ ขสมก. 90.03 คะแนน เป็นต้น”



มีรายงานว่า สำหรับ องค์กรมหาชน 52 หน่วยงาน พบว่าที่ได้คะแนนสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร 96.55 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 96.43 สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 95.14 ส่วนสถาบันอนุญาโตตุลาการ ได้คะแนนน้อยสุด 66.52

ขณะที่ หน่วยงานภาครัฐระดับกรม 147 หน่วยงานพบว่า ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้คะแนนสูงสุด 92.46 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 92.13 สำนักงานกิจการยุติธรรม 91.46 ส่วนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้คะแนนน้อยสุด 59.65

นอกจากนี้ สถาบันอุดมศึกษา 81 หน่วยงาน พบว่า สถาบันการศึกษาที่ได้คะแนนสูงที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ 87.17 มหาวิทยาลัยรามคำแหง 85.81 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 85.18 ส่วนมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย ได้คะแนนน้อยสุด 57.43

“สถาบันการศึกษา อื่น ที่น่าสนใจ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 80.79 คะแนน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 83.50 คะแนน มหาวิทยาลัยขอนแก่น 83.11 คะแนน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 80.21 คะแนน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 77.96 คะแนน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 73.21 คะแนน เป็นต้น”

ทั้งนี้ 2 องค์กรที่ได้รับผลประเมินน้อยที่สุด คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย 57.43 และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา 59.65

สำหรับการประเมินในครั้งนี้ เป็นไปตามกรอบประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสออกเป็น 5 ดัชนี 1.ดัชนีความโปร่งใส 2.ดัชนีความพร้อมรับผิด 3.ดัชนีความปลอดจากการทุจริตในการปฏิบัติงาน 4.ดัชนีวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กร และ5.ดัชนีคุณธรรมการทำงานในหน่วยงาน โดยคะแนนประเมินระหว่าง 80 - 100 ถือว่า อยู่ในเกณฑ์คุณธรรมและความโปร่งใสในระดับที่สูงมาก 60 - 79.99 อยู่ในระดับสูง 40 - 59.99 อยู่ในระดับปานกลาง 20 - 39.99 อยู่ในระดับต่ำ 0 - 19.99 อยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งไม่พบว่า มีหน่วยงานใดได้คะแนนในเกณฑ์ต่ำและต่ำมาก



อ่านผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2560 จำนวนทั้งสิ้น 422 หน่วยงาน ฉบับเต็ม  ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (16/11/2560)

ทำดีต้องบอกต่อ ปตท. สนับสนุน โครงการก้าวคนละก้าว

เผยรายชื่อจุดให้กำลังใจ "ตูน บอดี้สแลม" วิ่ง "ก้าวคนละก้าว" ตามปั้มน้ำมัน ปตท. และ มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในโครงการ จำนวนเงิน 2,000,000 บาท


เตรียมรองเท้าวิ่งรอไว้เลย! เผยรายชื่อปั้ม ปตท. ตามเส้นทางที่ตูน บอดี้สแลม วิ่งการกุศล "ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" ตามไปต้อนรับและให้กำลังใจกันได้

รายงานข่าวแจ้งว่า โซเชียลมีเดียของโครงการ "ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" ได้เผยแพร่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่ตูน บอดี้สแลม หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย จะแวะพักแต่ละจุด เรียกว่าจุดเช็กพอยท์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวประชาชนสามารถต้อนรับและให้กำลังใจ รวมทั้งขอถ่ายรูปกันได้

วันที่ 13 พ.ย. 2560 

- ปตท. สามหนุ่ม ถนนสิชล-สุราษฎร์ธานี (ทางหลวงหมายเลข 401) ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช

- ปตท. ฤดีเพ็ญ ถนนสิชล-สุราษฎร์ธานี (ทางหลวงหมายเลข 401) ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

วันที่ 17 พ.ย. 2560

- ปตท. หลังสวน ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 41) อ.หลังสวน จ.ชุมพร

วันที่ 22 พ.ย. 2560

- ปตท. ประจวบคีรีขันธ์ หจก.บางสะพาน ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

วันที่ 30 พ.ย. 2560

- ปตท. จิฟฟี่ ธรรมศาลา ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ต.ธรรมศาลา อ.เมืองฯ จ.นครปฐม

วันที่ 5 ธ.ค. 2560

- ปตท. ภานุสรณ์ ถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 340) ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

- ปตท. ฟอร์บีโลจิสติกส์ ถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 340) ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

วันที่ 7 ธ.ค. 2560

- ปตท. เค ที ดี ปิโตรเลียม ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ก่อนถึงตัวเมืองนครสวรรค์ ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์

วันที่ 8 ธ.ค. 2560

- ปตท. เอเชียพิจิตรออยล์ ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลยตัวเมืองนครสวรรค์ ต.หนองกระโดน อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์

วันที่ 17 ธ.ค. 2560

- ปตท. หจก.กิจเสรี ถนนไฮเวย์ลำปาง-งาว (ทางหลวงหมายเลข 1) บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารลำปาง ต.สบตุ๋ย อ.เมืองฯ จ.ลำปาง

วันที่ 23 ธ.ค. 2560

- ปตท. แม่กรณ์ ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ก่อนถึงสี่แยกแม่กรณ์ ต.สันทราย อ.เมืองฯ จ.เชียงราย


ข้อมูลสถานที่ และวัน เวลา อาจมีการเปลี่ยนแปลง ตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.pttplc.com

รัฐวิสาหกิจที่มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมประจำปีงบประมาณ 2560 สูงสุด 5 อันดับแรก

รัฐวิสาหกิจที่มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมประจำปีงบประมาณ 2560 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 30,948 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 26,278 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 21,660 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 13,118 ล้านบาท และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 11,384 ล้านบาท

รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.62 แสนล้านบาท ** หมายเหตุ ยังไม่รวมภาษีเงินได้นิติบุคคล





#รายได้แผ่นดิน #รัฐวิสาหกิจ

-----------------------------------------------------------------

สคร. นำส่งรายได้รัฐวิสาหกิจปี 2560 "เกินเป้า 24%" ทำให้การจัดเก็บรายได้รัฐวิสาหกิจสูงสุดในรอบ 15 ปี ที่ 1.62 แสนล้านบาท

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน 2560 สคร. นำส่งเงินรายได้แผ่นดินจำนวน 16,814 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บรายได้แผ่นดินจำนวน 8,965 ล้านบาท ส่งผลให้การนำส่งเงินรายได้แผ่นดินประจำปีงบประมาณ 2560 (เดือนตุลาคม 2559 – กันยายน 2560) จำนวน 162,265 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณประจำปี 2560 จำนวน 31,265 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ซึ่งเป็นการนำส่งรายได้แผ่นดินสูงสุดในรอบ 15 ปี และมีส่วนรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ

นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุหลักที่รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้แผ่นดินสูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีส่วนทำให้ผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจดีขึ้น โดยรัฐวิสาหกิจที่มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมประจำปีงบประมาณ 2560 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 30,948 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 26,278 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 21,660 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 13,118 ล้านบาท และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 11,384 ล้านบาท

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า สำหรับปีงบประมาณ 2561 สคร. เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำส่งรายได้แผ่นดิน จำนวน 137,000 ล้านบาท ตามที่ระบุในเอกสารงบประมาณประจำปี 2561 โดย สคร. ได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้แผ่นดินและการสนับสนุน
การดำเนินการของรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น เพื่อให้การจัดเก็บรายได้แผ่นดินเป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพการคลังให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
ภาพ Info โดย น้องปอสาม